iPhone พร้อมสเปกใหม่ที่น่าจับจอง

iPhone 6 concept รุ่นนี้ มีลำโพงทั้งด้านบน และด้านล่างตัวเครื่องครับ ส่วนกล้องหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ไฟแฟลชแบบ dual-tone LED....

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

iPhone 6 พร้อมสเปกใหม่ที่น่าสนใจมากๆๆๆ

iPhone 6 พร้อมสเปกใหม่



วันนี้เรามาดูสมาร์ทโฟนสุดดังอย่างไอโฟนกัน วึ่งตามนี้ไอโฟนรุ่นใหม่อย่าง iPhone 6 ก็ใกล้ที่จะออกมาให้ชาวโลกได้ยลโฉมกันแล้ว ตอนนี้เรามาดูสเปกของเจ้ามือถือสมาร์ทโฟนยุคใหม่คร่าวๆกันก่อนนะครับว่าจะมีอะไรบ้าง

iphone 6 concept โฉมใหม่ หลังเปิดตัว iOS 8 กันบ้างครับ ซึ่ง iphone6 concept รุ่นนี้ มาพร้อมกับหน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 2272 พิกเซล (521 ppi) หนาเพียง 6 มิลลิเมตร และบอดี้ทำมาจาก อะลูมิเนียม หรูหรามากทีเดียว

นอกจากนี้ iPhone 6 concept รุ่นนี้ มีลำโพงทั้งด้านบน และด้านล่างตัวเครื่องครับ ส่วนกล้องหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ไฟแฟลชแบบ dual-tone LED





อย่างไรก็ดี ภาพ iPhone 6 ข้างต้น เป็นเพียงแค่คอนเซปท์เท่านั้น ไม่ใช่เครื่องจริงครับ แต่ถ้าหาก iPhone 6 มาพร้อมสเปคแบบนี้ เชื่อได้เลยว่า น่าจะถูกอกถูกใจสาวกไอโฟนกันอย่างแน่นอน - phonearena.com

ที่มา http://www.techmoblog.com/


การเจล iPhone , iPad , iPod คืออะไร เห็นพูดกันเยอะจัง!? ที่นี้มีคำตอบ

การเจลเบรค (Jailbreak) คืออะไร และสิ่งที่ควรรู้ในการเจลเบรค


เนื่องจากในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของทาง Apple ไม่ว่าจะเป็น  iPhone , iPad , iPod Touch เป็นที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลาย และหลายๆท่านคงเคยได้ยินหรือรู้จักการ เจลเบรค (Jailbreak) กันบ้างแล้วว่ามันคืออะไร แต่หลายๆท่านอาจจะเป็นมือใหม่ที่พึ่งเคยใช้และก็สงสัยว่าการเจลเบรคคืออะไร และทำไปทำไม มีผลเสียอะไรมั้ย ลองไปดูกันเลยดีกว่าครับ

การเจลเบรคคืออะไร? (Jailbreak ?)
การเจลเบรคก็คือการดัดแปลง iOS ของแอปเปิลเพื่อทำให้ iOS ใช้งานโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นต่างๆที่ไม่ได้รับอนุญาติจากทางแอปเปิ้ลได้นั่นเอง  ซึ่งเราสามารถโหลดโปรแกรมอื่นๆมาลง โดยผ่านทาง  Cydia ได้ และที่สำคัญก็คือสามารถลงแอพพลิเคชั่นต่างๆ โดยที่ไม่ต้องผ่าน App Store (ก็คือลงโดยไม่ต้องเสียตังค์ซื้อแอพนั่นเอง)

เจลเบรคเพื่ออะไร?
- คนส่วนใหญ่จะเจลเบรคเพราะ สามารถลงแอพพลิเคชั่นต่างๆ โดยที่ไม่ต้องผ่าน App Store ซึ่งหมายความว่าไม่ต้องเสียตังค์ซื้อแอพพลิเคชั่น( เพราะบางแอพพลิเคชั่นมีราคาแพงและไม่มีตัวทดลองให้ลองก่อน พอเราซื้อมาแล้วมันไม่เหมือนที่เราคิดไว้ หรือมันไม่ถูกใจมันก็จะทำให้เราเซงได้ หลายๆคนเจลเบรคเพื่อลองใช้งานแอพนั้นๆก่อน พอถูกใจค่อยอุดหนุน) และทำให้ iDevice ของท่านใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น

- เจลเบรคเพื่ออันล็อคเครื่อง เนื่องจาก iPhone ของเมืองนอก มีแบบติดสัญญากับเครือข่ายหรือผู้ให้บริการนั้นๆ บางคนซื้อมาทำให้ไม่สามารถใช้งานเครือข่ายอื่นได้ จึงต้องทำการเจลเบรคเพื่อปลดล็อคสัญญาณให้ใช้ของเครือข่ายอื่นๆได้

- ทำให้ปรับแต่ง iPhone/iPad ให้มีลูกเล่นได้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพวก Theme, ลูกเล่นบนหน้าจอการใช้งานต่างๆ เป็นต้น (แอพฯปรับแต่งเหล่านี้จะมีอยู่ใน Cydia)

ข้อเสียของการเจลเบรค
- จะทำให้ iDevice ของท่านหมดประกันจากทาง Apple ทันที (แก้ได้โดยการ Restore เอา Cydia ออก แล้วเอาไปเคลม ^^ )

สิ่งที่ควรรู้ในการเจลเบรค(Jailbreak)

การเจลเบรคจะสามารถมี 2 แบบคือ
- Untethered boot 
คือการเจลเบรคแบบสมบูรณ์ สามารถเปิด-ปิด เครื่องได้โดยไม่มีปัญหา

- Tethered boot 
คือการเจลเบรคแบบไม่สมบูรณ์ เมื่อทำการเปิดปิดเครื่องแบบ Shutdown หรือ Restart จะต้องทำการ boot ผ่านคอมพิวเตอร์ก่อนถึงจะใช้งานได้ (ก็คือถ้าไม่เปิดปิดเครื่องหรือแบตหมดก็ใช้งานได้เหมือนเครื่องที่เจลเบรค ปกติ)

ที่มา siamtab

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

วิธี BackUp ข้อมูล และการ Update iPhone แบบละเอียด

วิธี BackUp ข้อมูล และการ Update โดยที่มี firmware อยู่ในเครื่อง


วันนี้เราจะมาดูวิธีการอัพเดทและแบ็คอัพข้อมูลของเครื่องสมาร์ทโฟนสุดรักสุดหวงของเราอย่าง iPhone กัน

การ Update ผ่าน iTunes นั้น สำหรับท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับเนตช้าหรืออะไรก็ตาม ถ้ามีข้อผิดพลาดระหว่างการ Update ข้อมูลอาจจะสูญหายได้ อย่างแรกเลยเราควรจะ BackUp ข้อมูลก่อนครับ

การ BackUp ข้อมูล
ต้องทำผ่าน โปรแกรม iTunes ครับ
ไปที่ Free DownLoad iTune

ให้ต่อสาย USB เข้ากับคอมฯครับ ที่แถบเมนูด้านซ้ายจะมีชื่อ iPhone ของเราที่หัวข้อ Device
กดคลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์เราได้เลยครับ แล้วเลือก Back Up


หรือที่หัวข้อ Summary เลือก Bank Up Now

ที่แถบสถานะด้านบน ให้รอจนกว่าจะ Backup เรียบร้อย



Back Up อะไรบ้าง เอาหลักๆก่อนนะครับ
สมุดรายชื่อ
อีเมล์
ข้อความ SMS,MMS
โน๊ต
รูปภาพ วีดีโอ บันทึกเสียง ที่มาจากตัวเครื่อง
และการตั้งค่าต่างๆ

และอะไรที่ไม่ได้ BackUp บ้าง
App, Music, Movie, Ringtone
และรูปหรือวีดีโอ ที่ไม่ได้ถ่ายจากตัวเครื่อง

สิ่งเหล่านี้ Apple มองว่ามันมีอยู่ในเครื่องคอมฯเราอยู่แล้ว จะ BackUp อีกทำไม
แต่ถ้าไปให้เพื่อนหรือคนอื่นลงให้ก็หายอย่างเดียวครับ

จะรู้ได้อย่างไรว่า BackUp ไว้แล้ว
ที่เมนูด้านบนเลือก iTunes > Preferences
Windows ไปที่ Edit > Preferences

และเลือก Device   ก็จะมีข้อมูลที่เราได้ Backup ไว้


การ Update มี 2 แบบ

1.Update โดยที่ข้อมูลไม่สูญหาย เลือก Check for Update
**ควร BackUp ข้อมูลก่อน ข้อมูลอาจหายได้ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างที่เราควบคุมไม่ได้
เช่น ไฟตก ไฟดับ เนตหลุด แฟนไม่รู้อยู่ๆก็มาดึงสายออก สายเก่าแล้ว อะไรประมาณนี้

2.Update โดยที่ข้อมูลหายเกลี้ยง เลือก Restore...
แล้วการ Restore ทำไมถึง Update ได้
การ Restore ของ Apple จะให้เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดเสมอ
เพราะฉะนั้น Update ได้ แต่ข้อมูลหายเกลี้ยง

การนำข้อมูลที่ BackUp กลับมา
ที่แถบเมนูด้านซ้ายจะมีชื่ออุปกรณ์ของเราที่หัวข้อ Device
กดคลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์เราได้เลยครับ แล้วเลือก Restore from Backup

หรือที่หัวข้อ Summary เลือก Restore Backup...

วิธี Update โดยที่มี firmware อยู่ในเครื่อง
หลังจากที่โหลด Firmware มาไว้ในเครื่องแล้ว ในขั้นตอนของการ Update
ให้เรากด Option ค้างไว้ แล้วเลือก Check for Update หรือ Restore
Windows กด Shift ค้างไว้ แล้วเลือก Check for Update หรือ Restore


+

ให้ทำการเลือก Firmware ที่เราโหลดมาเก็บไว้  แล้วกด Open ได้เลยครับ

รอประมาณ 15-20 นาที ก็เรียบร้อยแล้วครับ

หลังจากดูวิธีการแก้ไขแล้ว ดูท่าว่าคงจะต้องกลับไปอัพเดทกันหลายคนเลยล่ะครับ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์แก่เพื่อนๆทุกคนนะครับ

ที่มา:  iViewApp.Net

iPhone ค้างจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร

วิธีแก้ปัญหา iPhone ค้าง และ Reset ค่าต่างๆของ iDevice iPhone

อาการ iPhone ค้าง เป็นอะไรที่สร้างความรำคาญใจให้กับเหล่าสาวก iOS เป็นอย่างมาก วันนี้เราจะมาดูกันว่าเราจะทำอย่างไรเมื่อ iPhone ค้างเราจะต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะทำให้ iPhone ของเรากลับมาใช้งานได้อย่างเป็นปกติเหมือนเดิม

วิธีแก้ปัญหา iPhone ค้าง ด้วยตัวเองรวมถึงการ Reset ค่าต่างๆของ iDevice iPhone หรือ iPod iPad จัดเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนกับอุปกรณ์ชนิดอื่นทั่วๆไป อาจจะมีอาการ ค้างบ้าง กระตุกบ้าง เอ๋อบ้าง ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าเป็นปรกติเราจะถอดแบตเตอรี่ออกแล้วทำการใส่แบตฯกลับเข้าไปใหม่

เพื่อให้ตัวเครื่องนั้น...Reset หรือ Restart ตัวเอง หลังจากนั้น ก็จะสามารถใช้งานได้เป็นปรกติ สังเกตได้จากใกล้ๆตัวเลย ไม่ว่าจะเป็น Blackberry  Samsung หรือ Nokia อุปกรณ์เหล่านี้ เกิดอาการค้างบ่อย ง่ายๆ แค่ถอดแบตฯแล้วใส่ใหม่ ก็ใช้ได้เหมือนเดิม จนเราชินกับมัน


แต่สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ของ Apple เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เมื่อเครื่องเกิดค้างขึ้นมา จบเลยครับ ทำอะไรไม่ได้ จะถอดแบตฯก็ ถอดไม่ได้ จะเอาไขควงมาไข ก็ไม่รู้อยู่ตรงไหน ป่าวเลยครับ มันไม่ได้ยากแบบนั้น เพียงแต่เรายังไม่รู้แค่นั้นเอง

Apple ได้เตรียมวิธีแก้ไข กับเหตุการณ์แบบนี้ไว้แล้วเพียงแค่กดปุ่ม สองปุ่ม ค้างไว้ไม่เกิน 10 วินาที ตัวเครื่องก็ทำการ Reset หรือ Restart ตัวเองให้อย่างอัตโนมัติครับ

สองปุ่มที่ว่านั้นก็คือ ปุ่มพักหรือปลุก และปุ่มโฮม นั่นเองครับ โดยการกดนั้น ให้ทำการกดค้างไว้และกลั้นหายใจนับ หนึ่งถึงสิบ แล้วค่อยปล่อยมือ ล้อเล่นน่ะครับ ไม่ต้องกลั้นหายใจก็ได้ ให้เรากดค้างไว้จนจอดับมืดไป และเห็นโลโก้ Apple อีกครั้ง จึงปล่อยมือได้ ข้อควรระวัง ก็คือ ห้ามกดแล้วปล่อยทันที จะเป็นการถ่ายรูปที่หน้าจอครับ


เท่านั้นยังไม่พอครับ Apple ยังใส่ใจกับปัญหาปลีกย่อยเหล่านี้อีก โดยตั้งค่าไว้ ให้ผู้ใช้ได้ Reset ในส่วนของการใช้งานต่างๆด้วย การ Reset นั้นจะอยู่ที่...
TH: การตั้งค่า  > ทั่วไป > รีเซ็ต >...
US: Settings > General > Reset >...

หลักๆก็จะมีอยู่ สาม อย่าง จะอธิบายคร่าวๆละกันนะครับ ก็คือ สามหัวข้อแรกเลย

Reset All Settings ก็คือ รีเซ็ทค่าติดตั้งทั้งหมด ตรงนี้เมื่อกดแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
การตั้งค่าทุกอย่างจะกลับไปเหมือนตอนที่ออกจากโรงงาน (ย้ำการตั้งค่าเท่านั้น) นอกนั้นอยู่ครบ
เช่น การตั้งปลุก พื้นหลัง แสง สี เสียงเรียกเข้า ฟังชั่นถนอมปุ่มโฮม ฯลฯ
อะไรก็แล้วแต่เราไปปรับมัน จะคืนค่าเดิมหมด อะไรที่ไม่เกี่ยวกับการตั้งค่า อยู่ครบ ไม่หาย
(*แนะนำให้ทำในที่ ที่มีสัญญาณ WiFi ส่วน iPhone ต้องใส่ซิมไว้ด้วยนะครับ)

Reset Network Settings รีเซ็ทค่าติดตั้งเครือข่าย ขออนุญาตข้ามมาข้อนี้ก่อนนะครับ
ตรงนี้จะแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครือข่ายโดยเฉพาะ อย่างเช่น
ตัวเครื่องไม่จับ 3G,ปล่อย HotSpot ไม่ได้,ไม่อ่านซิม อะไรประมาณนี้ สามารถกดตรงนี้ได้เลย

Erase All Content and Settings แปลว่า ลบข้อมูลและค่าติดตั้งทั้งหมด
ตรงๆครับ ก็คือเหมือนซื้อเครื่องใหม่ ถ้าไม่อยากมีความรู้สึกเหมือนตอนซื้อเครื่องใหม่ อย่าไปกดเชียวนะ
แล้วก็ไม่ต้องสงสัยว่า รูปหรือเบอร์จะอยู่ไหม ^^a

**ขออธิบายเพิ่มเติมนะครับ อาจจะยาวหน่อย แต่ก็อยากให้ได้อ่านครับ
ตรงนี้เป็นการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองแบบเบื้องต้น สามารถทำได้เลย ไม่ต้องไปถึงศูนย์บริการ รถมันติด เดินทางเหนื่อยครับ เปลืองค่าน้ำมันอีก พอมาถึงศูนย์ พนักงานกด สองปุ่ม 10 วิ เรียบร้อยแล้วครับ ^^a
โดย ขั้นตอนจะเป็นดังนี้


Step 1: เมื่อเกิดปัญหากับตัวเครื่อง ไม่ว่าเครื่องจะค้าง หรือเครื่องจะดับ หรือแอพจะเด้ง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คิดว่ามันผิดปกติ สามารถกด Restart เครื่องได้ทันที โดยการกดปุ่ม พัก/ปลุก และ ปุ่มโฮม ค้างไว้


Step 2: Restart เครื่องแล้วยังมีอาการอยู่ ให้ทำการ Reset All Settings ต่อไป บางครั้ง อาการที่ว่าอาจจะเป็นแค่ฟังชั่น ที่เราเผลอไปโดนหรือไปปรับเปลี่ยนแต่ลืม อย่างเช่น หน้าจอไม่หมุน ปิดเคสแล้วจอไม่ดับ ฯลฯ


Step 3: ยังมีอาการอยู่อีก ไม่หายสักที เพื่อความปลอดภัยในข้อมูลของเรา แนะนำ สำรองข้อมูลไว้ก่อนครับ อ่าน วิธีสำรองข้อมูล


Step 4: ให้เลือก Erase All Content ในอุปกรณ์ หรือโปรแกรม iTunes ในคอมฯ Restore เครื่องไปเลย


Step 5: ติดต่อศูนย์บริการใกล้บ้านได้เลยครับ
สำหรับ iPad,iPod,iPhone Store Online Thailand >>> Apple Authorised Service Provider
iPhone AIS Call center >>> 1175
iPhone DTAC Call center >>> 1678
iPhone TRUE Call center >>> 1331

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับ iPhone ของเรา
พร้อมวิธีการตั้งค่า iPhone ที่ถูกต้อง คงจะพอช่วยเพื่อนๆได้ในระดับหนึ่งแน่นอน
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์แก่ทุกๆท่านนะครับ

ที่มา http://www.iviewapp.net/2013/04/iphone-reset-idevice.html

iPhone ติดอาการ Recovery Mode มีวิธีแก้ไขยังไง

วิธีแก้ปัญหา iPhone ติดอาการ Recovery Mode ขั้นแรก

สำหรับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับ iPhone นั้นมีอยู่ด้วยกันมากมาย และวิธีการแก้ไขต่างๆก็ไม่เหมือนกัน บางอย่างเราก็สามารถแก้ไขเองได้ บางอย่างเราก็จำเป็นที่จะต้องพึ่งช่างที่ชำนาญการ วึ่งหากเรามีความรู้ในเรื่องนี้ก็จะเป็นการย่นระยะเวลาในการแก้ไขซ่อมแซมให้เร็วขึ้นไป และปลอดภัยอีกด้วย วันนี้จึงขอนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาของ iPhone ที่พบกันบ่อยอีกอัน เผื่อที่จะจะได้เป็นแนวทางให้กับผู้ใช้ไอโฟนทุกท่านได้นำไปแก้ไขปัญหาของตัวเองได้โดยง่ายๆ ไปดูกันเลยครับ

อาการที่หน้า iPhone แสดงเครื่องหมายสาย USB เชื่อมต่อกับโปรแกรม iTunes นั้นหมายถึง Recovery Mode

Recovery Mode คือ โหมดที่สถานะของ iBoot ที่ถูกใช้งานระหว่างการอัปเดตหรือว่ารีสโตร์ iOS แบบมาตรฐาน หมายความว่าเมื่อเข้าสู่โหมดนี้เราสามารถที่จะอัปเดตหรือว่ารีสโตร์ iOS ได้ แต่ว่าไม่สามารถที่จะเขียน Baseband ทับลงไปได้ หรือ พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ สถานะที่ iBoot นั้นทำงาน
ประโยชน์ เอาไว้ใช้ในขั้นตอนการอัปเดต iOS หรือการ Restore iOS
วิธีสังเกตว่าไอโฟนนั้นเข้าสู่ Recovery Mode สังเกตจากที่ไอโฟนจะมีสัญลักษณ์สาย USB บอกให้เชื่อมต่อกับ iTunes

วิธีแก้ไขเบื้องต้น
ดาวน์โหลดโปรแกรม TinyUmbrella ติดตั้งลงที่คอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย(หากคอมฯยังไม่ได้ติดตั้ง java ให้ดาวน์โหลดมาติดตั้งก่อนนะครับจาก java.com)

จากนั้นเปิด TinyUmbrella ขึ้นมา
ตัวโปรแกรมจะมองเห็น iPhone ของเราเป็นชื่อของไอโฟนที่เราตั้งไว้
ให้คลิกขวาที่ชื่อนั้นแล้วเลือก Kick out off Recovery


จากนั้นรอให้ iphone เปิดเครื่องขึ้นมา เท่านี้ก็จะใช้่งานได้ปกติแล้วครับ

ดูวิธีการแก้ไขแล้ว ง่ายใช่มั้ยละครับ เพียงแค่นี้เราก็จสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ได้ด้วยตัวเองแล้ว บางอย่างก็ไม่จำเป็นที่จะส่งซ่อม ยังไงก็ขอให้เล่นไอโฟนสุดรักสุดหวงของคุณให้ได้นานๆนะครับ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าครับ

ที่มา https://www.facebook.com/notes/aisiphone

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

iPhone 5S จอเหลืองทำไง

iPhone 5S จอเหลืองทำไงดีหว่า


หลังจากที่ซื้อ iPhone 5S สุดรักสุดหวงมาแล้ว เราก็อยากที่จะลองเปิดเครื่องขึ้นมาดูว่ามันจะเป็นยังไงบ้าง หลายคนก็จะได้ชื่นชมกับความสำเร็จที่ได้มันมา ซึ่งก็พบกับการใช้งานได้อย่างปกติ แต่อีกหลายคนนั้นก็จะเจอของแถมที่จะทำให้เราเหนื่อยได้อีกครั้งก่อนที่จะได้ใช้เครื่อง iPhone 5S แบบปกติกับเขาสักที นั่นก็คือ ปัญหาอาการ iPhone 5S จอเหลือง ซึ่งเป็น 1 ในปัญหาของผู้ที่ซื้อ iPhone 5S ไปใช้ในวันแรกๆ ที่สร้างความรำคาญให้กับเหล่าสาวก Apple ทั้งหลายได้เป็นอย่างมาก

เมื่อเจอกับปัญหานี้แล้ว หลายคนอาจจะแก้ด้วยการใช้มันไปทั้งที่จอเหลืองๆนั้นแหละเดี๋ยวมันก็หายไปเอง หรืออาจจะเปิดไฟให้มันสว่างๆเข้าไว้ เดี๋ยวอีก 2 - 3 วันมันก็หายไปเอง หรือที่เรามักจะเรียกกันว่าการ " เบิร์นจอ" (เรียกซะเท่) แต่เมื่อลองนำเรื่องนี้ไปถามกับนักวิศวะกรรมทางเทคโนโลยีแล้ว ก็ได้พบกับคำตอบที่ว่า "มันไม่หายหรอก" (- -!!)

เพราะปัญหาจอเหลืองนั้นมันเป็นมาจากความผิดพลาดในกระบวนการผลิตที่มาจากโรงงาน ไม่ใช่เป็นที่จุดสีเหมือนกับ iPhone 5 ที่เป็นมาจากกาวที่ไม่แห้ง ซึ่งอาการนี้ที่ประเทศ USA / UK สามารถที่จะนำไปเปลี่ยนเครื่องได้เลย ดังนั้นเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นให้นำไปปรึกษาหรือส่งซ่อมที่ศูนย์ได้เลยครับ อย่าปล่อยไว้นาน

iPhone 5S จอเหลือง และ จอปกติ